แม้ว่าการลงทุนผ่านกองทุนรวมจะมีผู้เชี่ยวชาญมาบริหารจัดการลงทุนให้ แต่กองทุนรวมก็จะมีความเสี่ยงที่จะเกิด ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ของกองทุนที่ไปลงทุน ซึ่งจะเสี่ยงมากเสี่ยงน้อยก็แตกต่างกันไปตามนโยบายของแต่ละกองทุนรวม ยิ่งการลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง ก็ย่อมมีความเสี่ยงสูง
เช่น กองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นซึ่งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง ย่อมมีความเสี่ยงสูงกว่ากองทุนรวมที่ลงทุนในตราสารหนี้ หรือ กองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นกู้ภาคเอกชน ก็ย่อมมีความเสี่ยงสูงกว่ากองทุนรวมที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ดังนั้น สิ่งที่ผู้ลงทุนควรทำ คือเข้าใจความเสี่ยงต่างๆ เหล่านั้นและพิจารณาว่ารับได้มากน้อยเพียงใด เราลองมาดูกันว่าความเสี่ยงที่ว่านั้นมีอะไรบ้าง
ความเสี่ยงทั่วๆ ไปของกองทุนรวม
เมื่อมีปัจจัยบวกหรือลบมากระทบ ทำให้ราคาหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินที่กองทุนรวมเข้าไปลงทุนมีการเปลี่ยนแปลง ก็จะส่งผลให้ มูลค่า NAV ของกองทุนรวมนั้นเปลี่ยนแปลงขึ้นลงตามไปด้วย ความเสี่ยงทั่วๆ ไป ที่เกี่ยวเนื่องกับการลงทุนในกองทุนรวม ได้แก่
ความเสี่ยงจากการผันผวนของอัตราดอกเบี้ย (interest rate risk)
เช่น อัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดเปลี่ยนแปลงขึ้นลงจนส่งผลให้ราคาของตราสารหนี้ที่กองทุนรวมเข้าไปลงทุนเปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้นหรือลดลง ในทิศทางตรงข้ามกับทิศทางของอัตราดอกเบี้ย
ความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของภาวะตลาดโดยรวม (market risk)
เช่น ภาวะเศรษฐกิจในประเทศซบเซา อาจส่งผลให้ราคาของหลักทรัพย์ต่างๆ ที่กองทุนรวมไปลงทุนอยู่มีแนวโน้ม เปลี่ยนแปลงลดลง
ความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง (political risk)
เช่น เกิดการปฏิวัติ เปลี่ยนแปลงการปกครอง อาจทำให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบริหารประเทศและการลงทุนได้ ซึ่งจะ กระทบบริษัทที่ประกอบธุรกิจ หรือในกรณีที่การเมืองไม่มีความแน่นอน อาจส่งผลให้ภาวะตลาดชะลอตัว ส่งผลให้ราคาของ หลักทรัพย์ในตลาดลดลงหรือชะลอตัวได้
ความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่กองทุนรวมไปลงทุน (company risk)
เช่น บริษัทบริหารงานผิดพลาดจนทำให้ผลการดำเนินงานขาดทุน
ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ (credit risk)
เช่น บริษัทที่ออกตราสารหนี้ซึ่งกองทุนรวมเข้าไปลงทุนมีผลการดำเนินงานย่ำแย่จนไม่สามารถจ่ายคืนเงินต้นและดอกเบี้ย ให้กับกองทุนรวมตามเวลาที่กำหนดได้
ความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่อง (liquidity risk)
เช่น หลักทรัพย์ที่ลงทุนไว้มีการซื้อขายเปลี่ยนมือไม่มาก อาจทำให้ไม่สามารถซื้อขายหลักทรัพย์ได้ในราคาหรือจำนวน ที่ต้องการภายในช่วงเวลาอันเหมาะสม
ความเสี่ยงหลักๆ ของกองทุนรวม
ทีนี้ลองมาดูความเสี่ยงหลักๆ ของกองทุนรวมแต่ละประเภทพอให้เห็นภาพกัน เช่น
กองทุนรวมตราสารหนี้
จะมีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ เช่น บริษัทซึ่งออกตราสารหนี้ที่กองทุนรวมนำเงินไปลงทุนฐานะ ทางการเงินไม่ค่อยมั่นคง ก็อาจมีผลต่อความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยและคืนเงินต้นให้กับกองทุนรวมได้ หรือความเสี่ยง ด้านสภาพคล่อง เช่น ตราสารหนี้ที่กองทุนรวมลงทุน ซื้อง่ายขายคล่องมากน้อยเพียงใด
กองทุนรวมหุ้น
จะมีความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่กองทุนรวมนำเงินไปลงทุน เช่น หากเป็นธุรกิจที่เน้นการส่งออก แล้วเกิดปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนผันผวน อาจส่งผลต่อกำไรของบริษัท นอกจากนี้ ก็มีความเสี่ยงจากความผันผวนของภาวะตลาดที่ อาจส่งผลในทางลบต่อธุรกิจ รวมทั้งราคาหุ้นของบริษัทที่กองทุนรวมเข้าไปลงทุน
กองทุนรวมลงทุนในต่างประเทศ
นอกจากความเสี่ยงตามประเภทของสินค้าการเงินที่ไปลงทุน ยังมีความเสี่ยงเพิ่มเติมจาก อัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศที่ไปลงทุน รวมทั้งความเสี่ยงเกี่ยวกับการฟ้องร้อง และ บังคับใช้กฎหมายในกรณีที่บริษัทที่กองทุนรวมไปลงทุนมีปัญหาด้วย
โดยปกติแล้วข้อมูลความเสี่ยงของกองทุนรวมทุกกองจะระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยลงทุน ก่อนตัดสินใจ ลงทุนอย่าลืมศึกษาข้อมูลส่วนนี้ให้ดีด้วย
นโยบายการลงทุนที่แตกต่างกันของแต่ละกองทุนรวมก็ทำให้เกิดความเสี่ยงมากน้อยแตกต่างกัน โดยตัวอย่างประเภท กองทุนรวมตามความเสี่ยงแต่ละระดับ มีดังนี้
กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงต่ำมาก
กองทุนรวมตลาดเงิน มีนโยบายการลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุคงเหลือของตราสารไม่เกิน 1 ปี โดย อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ในกองทุนรวมไม่เกิน 3 เดือน และโดยส่วนใหญ่กองทุนรวมประเภทนี้มักจะมีสภาพคล่องสูง ผู้ลงทุนสามารถ ขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ
กองทุนรวมคุ้มครองเงินต้น เป็นกองทุนรวมที่ บลจ.วางแผนการลงทุนเพื่อให้ความคุ้มครองเงินลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุน (ไม่รวมถึงค่าธรรมเนียมการซื้อหน่วยลงทุน) โดยเลือกใช้กลยุทธ์การลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น ตราสารภาครัฐไทยและ ต่างประเทศ เงินฝาก บัตรเงินฝาก (certificate of deposit: CD) เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อพยายามทำให้โอกาสสูญเสียเงินลงทุนเริ่มแรกของ ผู้ลงทุนมีน้อยที่สุด
กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น (Short term bond fund) มีนโยบายเน้นการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นหลัก โดยกำหนดกรอบการลงทุนไว้ว่าอายุตราสารหนี้ในพอร์ต (portfolio duration) ของกองทุนรวมต้องไม่เกิน 1 ปี ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว มูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นจะไม่ผันผวนมากเนื่องจากเป็นการลงทุนในระยะสั้น
กองทุนรวมพันธบัตรรัฐบาล มีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้โดยเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ( ? 80% ของ NAV)
กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงต่ำ
กองทุนรวมตราสารหนี้ทั่วไป มีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วไป เช่น หุ้นกู้ภาคเอกชน ทั้งนี้ รวมถึงกองทุนที่ลงทุนใน ตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง เช่น หุ้นกู้อนุพันธ์ (structured note) ที่คุ้มครองเงินต้นด้วย
กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงปานกลาง
กองทุนรวมผสม ลงทุนได้ทั้งในตราสารทุนและตราสารหนี้ โดยบางกองอาจเน้นลงทุนในตราสารหนี้ หรือบางกองอาจเน้นลงทุน ในตราสารทุนมากกว่าก็ได้
กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูง
กองทุนรวมหุ้นหรือกองทุนรวมตราสารทุน มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนเป็นหลัก ? 65% ของ NAV ทั้งนี้ กองทุนรวม ตราสารทุนที่มีนโยบายการลงทุนแบบเน้นสร้างผลตอบแทนเป็นไปในทิศทางเดียวกับดัชนีอ้างอิงหรือใช้กลยุทธ์การลงทุนเชิงอนุรักษ์ (passive) เช่น กองทุนรวมดัชนีราคาหุ้น กองทุนรวม ETF หุ้น จะมีความเสี่ยงต่ำกว่ากองทุนรวมตราสารทุนที่มีนโยบายการลงทุน ที่เน้นสร้างผลตอบแทนให้สูงกว่าดัชนีอ้างอิง (active)
กองทุนรวมหุ้นของบริษัทที่มีธุรกิจหลักประเภทเดียวกัน หรือ กองทุนรวมตราสารทุนแบบ sector fund มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของบริษัทที่มีธุรกิจหลักประเภทเดียวกัน เช่น ในธุรกิจด้านพลังงาน ฯลฯ หรือตราสารทุน ในประเทศหรือ กลุ่มประเทศใดประเทศหนึ่ง ? 80% ของ NAV
กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงมาก
กองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนที่ซับซ้อน มีการลงทุนในทรัพย์สินที่ซับซ้อน ทำความเข้าใจได้ยาก เช่น กองทุนรวมสินค้าโภคภัณฑ์ กองทุนรวมทองคำ กองทุนรวมน้ำมัน (commodity fund/ gold fund/ oil fund) สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (โดยที่ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยงหรือ hedging) เป็นต้น
สำหรับกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ หรือ foreign investment fund (FIF) ระดับความเสี่ยงของกองทุนรวมจะแตกต่าง ไปจากกองทุนรวมที่ลงทุนในประเทศ เนื่องจากมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งถือว่าเป็นตัวแปรสำคัญที่อาจส่ง ผลกระทบต่อผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับจากการแปลงเงินบาทเป็นเงินสกุลอื่นเมื่อนำเงินไปลงทุนและแปลงกลับมาเป็นเงินบาท เมื่อนำผลตอบแทนมาคืนให้ผู้ลงทุน โดยหากเป็นกองทุนรวม FIF ที่ไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (hedging) หรือป้องกันไว้เพียงแค่บางส่วน ระดับความเสี่ยงของกองทุนรวมจะอยู่ในระดับสูง-สูงมาก ตัวอย่างเช่น กองทุนรวม FIF ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำมาก เช่น พันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศ แต่ไม่มีนโยบาย ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้เลยจะถือว่าเป็นกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูง หรือหากเป็นกองทุนรวม FIF ที่มีนโยบาย ลงทุนในกองทุนรวม ETF หุ้น แต่ไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเลย ก็จะถือว่าเป็นกองทุนรวมที่มีความเสี่ยง สูงมาก เป็นต้น อย่างไรก็ดี หากเป็นกองทุนรวม FIF ที่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้ทั้งหมดหรือ เกือบทั้งหมด (hedging 90% ของเงินลงทุน) ระดับความเสี่ยงของกองทุนรวมจะอยู่ในระดับต่ำ-สูง โดยขึ้นอยู่กับหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินที่กองทุนรวม FIF เลือกลงทุน
ศีกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ   
แหล่งที่มา
www.start-to-invest.com